ทางการจีนจัดเที่ยวบิน 6 เที่ยว รับตัวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน 300 คนจากท่าอากาศยานนานาชาติแม่สอด จังหวัดตาก กลับไปดำเนินคดีที่ประเทศจีน โดยผู้ต้องหาทั้งหมดถูกควบคุมตัวอย่างเข้มงวด สวมชุดนักโทษ พร้อมติดป้ายชื่อและหมายเลขกำกับ ตำรวจจีนนั่งประกบตัวต่อตัวแบบ 2 ต่อ 1

เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ทางการจีนได้ส่งตัวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชุดแรก 198 คนกลับประเทศ และอีก 2 คนที่มีอาการป่วยร้ายแรงถูกนำตัวเข้ารักษา ต่อมาในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ สายการบินไชน่า เซาท์เทิร์น แอร์ไลน์ส ได้ส่งเครื่องบินมารับตัวอีก 300 คนจากเมืองชเวโก๊กโก่ จังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา ผ่านด่านพรมแดนแม่สอด ก่อนทยอยส่งขึ้นเครื่องเป็นชุด ๆ โดยเที่ยวบินแรกออกเดินทางเวลา 10.40 น. และเที่ยวบินสุดท้ายในวันเดียวกันออกเดินทางเวลา 18.10 น.

กระแสข่าว DKBA อาจหยุดกวาดล้างแก๊งจีนเทา

มีกระแสข่าวว่ากองกำลังกะเหรี่ยง DKBA อาจยุติการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน เนื่องจากไม่สามารถแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลอาชญากรเหล่านี้ได้อีกต่อไป อย่างไรก็ตาม ทาง DKBA ได้ส่งเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ทางการไทยแล้ว 260 คน ซึ่งไทยเองก็ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลเหยื่อเหล่านี้

ไทย-จีน-เมียนมา ตั้งคณะกรรมการร่วมปราบปรามคอลเซ็นเตอร์

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมไทย นายหลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีน และ พล.อ.อ่อง ซอ ซอ รมช.มหาดไทยของเมียนมา ได้ร่วมกันดูแลการส่งตัวแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับประเทศ พร้อมประกาศจัดตั้งคณะกรรมการไตรภาคีเพื่อทำงานร่วมกันในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ

สถานการณ์ที่ชเวโก๊กโก่หลังไทยตัดไฟ

หลังรัฐบาลไทยตัดกระแสไฟฟ้าเพื่อสกัดกั้นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมืองชเวโก๊กโก่ พบว่าพื้นที่ดังกล่าวมืดลงกว่า 60% แต่ยังมีไฟฟ้าจากเครื่องปั่นไฟและแผงโซลาร์เซลล์ใช้งานอยู่ เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ กองกำลังกะเหรี่ยง DKBA ได้เริ่มกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์และกลุ่มนักธุรกิจจีนเทาในเมืองพญาตองซู พร้อมส่งตัวให้กองกำลังทหารกะเหรี่ยง BGF/KNA และกำหนดเส้นตายให้กลุ่มเหล่านี้ออกจากพื้นที่ภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์

กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับ พล.ต.หม่องชิต ตู่ ผู้นำกองกำลัง BGF และพวกอีกกว่า 10 ราย โดยเน้นการตรวจสอบพฤติกรรมย้อนหลังหลายปี รวมถึงการครอบครองทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับคดีค้ามนุษย์

พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปกัมพูชาเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ เพื่อประชุมร่วมกับตำรวจท้องถิ่น วางแผนกวาดล้างเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ในปอยเปต ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งศูนย์กลางของอาชญากรรมข้ามชาติ

พล.ต.อ.ธัชชัย เปิดเผยในเวลาต่อมาว่า การประชุมวางแผนปฏิบัติการได้ข้อสรุปสำคัญ 3 ข้อ ได้แก่

  • ร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเข้าทำการกวาดล้าง ตรวจค้น และจับกุมในจุดที่เป็นฐานปฏิบัติการของแก๊ง พร้อมทั้งนำตัวคนไทยที่เกี่ยวข้องกลับมาดำเนินคดีตามกฎหมายในประเทศไทย
  • ให้ความช่วยเหลือคนไทยที่ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ เพื่อให้สามารถกลับคืนสู่ครอบครัวได้อย่างรวดเร็ว
  • จัดตั้งศูนย์ประสานงานร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมดไป

ทั้งนี้ ตำรวจกัมพูชาจะดำเนินการอย่างเร่งด่วนในการร่วมปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งจากข้อมูลพบว่ากลุ่มคนร้ายส่วนใหญ่เป็นชาวจีน โดยมีคนไทยร่วมอยู่ด้วย

ด้าน พ.ต.อ.คธาธร คำเที่ยง รอง ผบก.ตม.3 และโฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กล่าวถึงกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธาน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนฯ ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ไม่ได้จัดเก็บข้อมูลไบโอเมตริกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ 17 ล้านคนในปี 2567 ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้กลุ่มทุนสีเทาแฝงตัวเข้ามาก่ออาชญากรรมในประเทศ

พ.ต.อ.คธาธร ชี้แจงว่า ปัจจุบัน สตม. ใช้ระบบสารสนเทศหลายระบบในการคัดกรองและควบคุมบุคคลต่างด้าวที่เดินทางเข้าประเทศ รวมถึงติดตามและตรวจสอบการพำนักของบุคคลเหล่านี้ แม้ข้อมูลอัตลักษณ์ของบุคคลต่างด้าวบางส่วนจะยังไม่มี License อย่างสมบูรณ์ แต่ยังคงมีการบันทึกข้อมูลตามปกติ โดยอาจมีผลกระทบต่อประสิทธิภาพในบางรายการเท่านั้น ซึ่งไม่ส่งผลต่อการควบคุมบุคคลต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาและพำนักในประเทศไทย

ขณะนี้ สตม. อยู่ระหว่างดำเนินโครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการตรวจคนเข้าเมืองแห่งชาติ ซึ่งเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพสูง และหลายประเทศใช้งานระบบในลักษณะเดียวกัน